WeLCOME TO WEBSITE of Vatchara
บทที่3 การตีความและการอุดช่องว่างของกฎหมาย |
การตีความหมาย(Interpretation of Law) การค้นหาความหมายของกฎหมายที่มีถ้อยคำไม่ชัดเจนหรืออาจแปลความได้หลายทาง เพื่อทราบว่าถ้อยคำในกฎหมายมีความหมายอย่างไร เหตุผลที่ต้องมีการตีความกฎหมาย - กฎหมายบางคำมีความหมายกำกวม - แปลความหมายได้หลายความหมายตัวอย่าง คำที่ต้องมีการตีความ - กลางคืน - อาวุธ - โดยทุจริต - ใช้กำลังประทุษร้าย - ไขข่าวแพร่หลาย - ในทางการที่จ้างผู้ที่จะต้องตีความกฎหมายเพื่อนำไปใช้ - ทนายความ - ตำรวจ - คณะกรรมการการเลือกตั้ง - ผู้พิพากษาประเภทของการตีความ - การตีความตามตัวอักษร - ภาษาธรรมดา - ภาษาเทคนิค - นิยามศัพท์ - ศัพท์กฎหมายที่ไม่แจ้งชัด - การตีความตามเจตนารมณ์ -เป็นการพิจารณาความหมายของคำบางคำที่มีความหมายไม่ชัดเจนพอที่จะตีความตาม ตัวอักษรได้จำเป็นต้องนำ “เจตนา” ของผู้ที่ร่างกฎหมายหรือการออกกฎข้อบังคับ ข้อห้ามต่าง ๆ มาใช้ประกอบการพิจารณาในการตีความช่องว่างของกฎหมาย กรณีที่ไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่จะนำไปปรับใช้แก่ข้อเท็จจริงได้ ช่องว่างของกฎหมายเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี 1. ผู้บัญญัติกฎหมายคิดไปไม่ถึงว่าจะมีช่องว่างในกฎหมาย 2. ผู้บัญญัติกฎหมายคิดถึงช่องว่างของกฎหมายนั้น แต่เห็นว่ายังไม่ควรบัญญัติให้ตายตัว วิธีการอุดช่องว่างของกฎหมายในคดีแพ่ง 1. จารีตประเพณี 1.1 ต้องใช้บังคับมาเป็นเวลานาน 1.2 ต้องเป็นที่ยอมรับของคนในท้องถิ่นนั้น 1.3 ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน 2. บทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง 3. หลักกฎหมายทั่วไป |